อาการเส้นเลือดขอด มีลักษณะเส้นเลือดปูดเขียวคล้ำ คดเคี้ยวไปมาเหมือนงู หรือเห็นแตกเป็นฝอยแบบใยแมงมุมที่ขา อาการนี้สามารถเกิดขึ้นได้โดยเฉพาะกับสาวๆ ที่ชอบใส่ส้นสูง ชอบนั่งไขว่ห้าง หรือคุณแม่ขณะตั้งครรภ์ แม้ว่าเส้นเลือดขอดจะไม่มีอันตรายร้ายแรงใดๆ แต่ก็ทำให้ช่วงขาแลดูไม่สวยงาม บั่นทอนความมั่นใจของสาวๆ ลงไปได้มากเพราะรู้สึกอายไม่กล้าโชว์เรียวขาให้เห็นเส้นเลือดขอด และบางรายอาการหนักมากจนถึงกับมีแผลบริเวณผิวหนังที่เกิดจากเส้นเลือดแตก เนื่องจากผิวหนังบริเวณนั้นเป็นเส้นเลือดขอดจึงทำให้บางลงเกิดแผลได้
หากเส้นเลือดขอด กลายเป็นปัญหารบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของคุณ ก็สามารถเข้ามารับคำปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ ยศการ คลินิก เพื่อรับคำแนะนำ และประเมินการบำบัดรักษาเส้นเลือดขอดด้วยวิธีต่างๆ อย่างถูกต้องให้หายขาดได้
ในภาวะปกติ หลอดเลือดดำของคนเราจะทำหน้าที่นำเลือดดำจากส่วนปลายกลับสู่หัวใจ โดยอาศัยแรงบีบของกล้ามเนื้อบีบเลือดต้านแรงโน้มถ่วงของโลกให้ไหลกลับขึ้นสู่หัวใจ และจะมีลิ้น (Valve) เล็กๆ อยู่ภายในหลอดเลือดดำช่วยเปิดให้เลือดไหลขึ้นไปที่หัวใจ และปิดกั้นไม่ให้เลือดไหลย้อนกลับลงไปได้อีก ทำให้เกิดภาวะเส้นเลือดขอดขึ้นมา
แต่หากมีความผิดปกติเกิดขึ้นกับลิ้นเล็กๆ ในหลอดเลือดดำ ทำให้ไม่สามารถสกัดกั้นการไหลย้อนของเลือดได้ ก็จะเกิดการคั่งของเลือดในหลอดเลือดส่วนปลายที่อยู่ใกล้ผิวหนัง เกิดเป็นเส้นเลือดขอด ที่มีลักษณะโป่งพองเป็นก้อนขดไปมา หรือเป็นเส้นเลือดฝอยแตกคล้ายแผนที่หรือใยแมงมุมนั่นเอง
เส้นเลือดขอดที่ขา มี 2 ประเภท คือ
- เส้นเลือดโป่ง (Varicose Veins) เกิดจากผนังเส้นเลือดบาง ทำให้เส้นเลือดพองและขดเป็นหยักอาจมีสีเขียวผสมม่วง
- เส้นเลือดฝอย ลักษณะเป็นแพแบบเส้นใยแมงมุม (Spider Veins) อยู่ตื้นมีขนาดเล็กสีม่วง หรือแดงมองเห็นคล้ายใยแมงมุม
- อายุ ยิ่งอายุมากขึ้นก็จะยิ่งมีโอกาสเป็นโรคนี้ได้สูงขึ้น เนื่องจากการเสื่อมสภาพของลิ้นในเส้นเลือดและเซลล์ผนังเส้นเลือด ซึ่งจะพบโรคเส้นเลือดขอด นี้มากกว่า 70% ของคนที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไป
- เพศ ผู้หญิงจะมีโอกาสเป็นเส้นเลือดขอดนี้ได้มากกว่าผู้ชายประมาณ 3 เท่า เนื่องจากการตั้งครรภ์ที่ส่งผลถึงการเพิ่มความดันในช่องท้อง และจากการมีภาวะหมดประจำเดือนตามธรรมชาติ ซึ่งฮอร์โมนเพศจะมีส่วนช่วยในการคงความยืดหยุ่นของผนังเส้นเลือด
- พันธุกรรมและเชื้อชาติ เพราะพบโรคนี้ได้สูงขึ้นประมาณ 2 เท่าในคนที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นเส้นเลือดขอดนี้ และพบได้สูงในคนตะวันตกสูงกว่าคนเอเชีย ทั้งนี้ อาจมีความสัมพันธ์กับอาหารที่รับประทาน (เส้นเลือดขอดพบได้ประมาณ 12% ของคนตะวันตก ส่วนที่พบในคนเอเชียจะต่ำกว่า)
- อาชีพ อาชีพที่ต้องยืนหรือนั่งอยู่กับที่เป็นเวลานาน ๆ หรือต้องยกของหนัก ๆ ทำให้เส้นเลือดมีเลือดคั่งมาก เช่น ทหาร ศัลยแพทย์ พยาบาลในห้องผ่าตัด ครู เป็นต้น
- ความอ้วน คนที่มีน้ำหนักมากเกินทำให้เลือดไหลเวียนได้ไม่สะดวก จะเกิดการคั่งของเลือดบริเวณขามากขึ้น ทำให้เกิดเส้นเลือดขอดได้
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ในวัยรุ่น หญิงตั้งครรภ์ หญิงวัยทอง หรือแม้กระทั่งการรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดก็อาจส่งผลทำให้เกิดเส้นเลือดขอดมากขึ้นได้
- หญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากการมีปริมาณของเลือดที่เพิ่มขึ้นทำให้เส้นเลือดขยายตัว น้ำหนักของครรภ์ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ที่ส่งผลให้เกิดการเพิ่มความดันในช่องท้องและไปกดเส้นเลือด และจากการที่ร่างกายหลั่งฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progestertone) เพื่อช่วยในการตั้งครรภ์ ซึ่งฮอร์โมนชนิดนี้จะทำให้ผนังเส้นเลือดดำเสียความยืดหยุ่นไป แต่อาการจะดีขึ้นหลังคลอดได้ประมาณ 3 เดือน (ยิ่งตั้งครรภ์มาแล้วหลายครั้งก็จะมีโอกาสเกิดเส้นเลือดขอดได้สูงมากขึ้น)
- ท้องผูกเรื้อรัง เพราะต้องออกแรงเบ่งอุจจาระเป็นประจำจนส่งผลให้มีการเพิ่มขึ้นของความดันในช่องท้องตลอดเวลา
- ไม่ชอบออกกำลังกาย ขาดการเคลื่อนไหวของร่างกาย หรือใช้ชีวิตที่สะดวกสบายเกินไป เพราะจะส่งผลทำให้กล้ามเนื้อขาเสื่อมประสิทธิภาพ ลดการเกิดเส้นเลือดขอด ซึ่งกล้ามเนื้อขาเป็นอีกปัจจัยสำคัญในการช่วยพยุงเส้นเลือดดำและช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดที่ขา
- พฤติกรรม พฤติกรรมบางอย่างที่ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก เช่น สวมชุดที่คับเกินไปโดยเฉพาะบริเวณเอว ขาหนีบ เป็นต้น
- การกระทบกระแทก หรือกดทับ เช่น ชอบนั่งไขว่ห้าง เนื่องจากเลือดเดินไม่สะดวก
- ชอบใส่รองเท้าส้นสูง ซึ่งจะทำให้เลือดหมุนเวียนได้ไม่ดีทำให้เกิดเส้นเลือดคลอดบริเวณขาได้
- แสงแดด การสัมผัสแสงเป็นเวลานาน ๆ ก็อาจทำให้เกิดเส้นเลือดฝอยที่ใบหน้าได้ด้วย
สาเหตุอื่นๆ เช่น ผู้ป่วยโรคหัวใจ ผู้ที่ได้รับการผ่าตัดโดยเฉพาะบริเวณสะโพก ผู้ป่วยที่มีประวัติขาบวมหรือมีเส้นเลือดดำที่ขาอุดตันมาก่อนในอดีต ก็จะมีโอกาสเป็นโรคเส้นเลือดขอดได้มากกว่าคนทั่วไปด้วย
อาการเส้นเลือดขอด เป็นอย่างไร
ผู้ที่มีปัญหาเส้นเลือดขอดแรกเริ่มอาจสังเกตจากเส้นเลือดผ่านผิวหนัง โดยเห็นเป็นเส้นเลือดคดเคี้ยวและนูนออกมา หรือปรากฎเป็นสีม่วงเข้มหรือสีฟ้าบริเวณขา จากนั้นอาการเจ็บปวดหรืออาการอื่นๆ จึงตามมา ได้แก่
- อาการเจ็บหรือรู้สึกหนักขา
- กล้ามเนื้อในขาส่วนล่างเป็นตะคริวหรือสั่นเป็นจังหวะ
- ขาส่วนล่างบวม แสบร้อน
- รู้สึกเจ็บมากขึ้นเมื่อนั่งหรือยืนเป็นเวลานาน
- อาการคันรอบๆ เส้นเลือดเส้นใดเส้นหนึ่งหรือหลายเส้น
- มีเลือดออกจากเส้นเลือดที่บิดนูน
- อาการปวดในเส้นเลือดบริเวณที่ผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีแดง
- เส้นเลือดแข็งหรือเปลี่ยนสี มีอาการอักเสบของผิวหนังหรือมีแผลพุพองที่ผิวหนังใกล้ข้อเท้า ซึ่งเป็นอาการรุนแรงของเส้นเลือดขอดที่ควรต้องได้รับการรักษา
- อาการของเส้นเลือดขอดมักแย่ลงในสภาพอากาศร้อนหรือเมื่อยืนเป็นเวลานาน และจะดีขึ้นเมื่อได้เดินหรือพักขาด้วยการยกขาขึ้น
บริเวณที่เป็นเส้นเลือดขอด
ตำแหน่งที่พบเส้นเลือดขอดได้บ่อย คือ
- บริเวณน่อง
- ขาพับ
- โคนขา
- บริเวณระหว่างตาตุ่มขึ้นไปถึงสะโพก
ทั้งนี้ เส้นเลือดขอดส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นที่ขา โดยเกิดได้ทั้งบริเวณน่องหรือด้านในของขา แต่บางครั้งเส้นเลือดขอดก็อาจเกิดขึ้นได้ในส่วนอื่นของร่างกายเช่นกัน เช่น บริเวณหลอดอาหาร มดลูก ช่องคลอด เชิงกราน และช่องทวารหนัก
เมื่อเกิดปัญหาเส้นเลือดขอด ควรทำอย่างไร
โดยปกติผู้ที่เป็นเส้นเลือดขอดอาจไม่จำเป็นต้องทำการรักษา หากไม่มีอาการที่ทำให้รู้สึกเจ็บหรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ส่วนหญิงตั้งครรภ์ที่มีอาการของเส้นเลือดขอดจะทุเลาลงเองได้ใน 3-12 เดือนหลังคลอดบุตร
ทั้งนี้ หากผู้เป็นเส้นเลือดขอดรู้สึกว่าอาการที่เกิดขึ้นบั่นทอนความมั่นใจ หรือบางคนปล่อยทิ้งไว้จนเป็นมากขึ้น ก็อาจเกิดอาการปวดขาเวลายืนนาน หรือขาเป็นตะคริว จนถึงเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ขาบวม ผิวหนังอักเสบ และมีแผลเกิดขึ้น ดังนั้น ควรต้องปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาเส้นเลือดขอดที่ถูกต้องต่อไป
ยศการ คลินิก แก้ปัญหาเส้นเลือดขอด โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่ทันสมัย
ยศการ คลินิก รักษาเส้นเลือดขอดโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมเครื่องมือการรักษาที่สะอาด และทันสมัย ด้วยประสบการณ์ที่ยาวนานกว่า 30 ปี คุณจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาเส้นเลือดขอดของคุณ จะได้รับการรักษาด้วยวิธีการที่ปลอดภัยโดยแพทย์จะพิจารณาจากอาการ และลักษณะของเส้นเลือดที่ขอดของแต่ละบุคคล เพื่อประเมินถึงแนวทางการรักษา ดังนี้
รักษาเส้นเลือดขอดด้วย Dual Yellow Laser
Dual Yellow Laser รักษาเส้นเลือดขอด คือ นวัตกรรมเลเซอร์คู่ 2 ชนิด ชนิดแรกเป็นเลเซอร์สีเหลืองความยาวคลื่น 578 nm. ซึ่งจะมีผลต่อเส้นเลือดฝอยเล็กๆ ทำให้รอยแดงจางลง โดยไม่ทำให้ผิวด้านบนเสียหายจึงไม่เกิดจ้ำเลือดหลังการรักษา ชนิดที่ 2 เป็นเลเซอร์สีเขียวความยาวคลื่น 511 nm. ซึ่งจะมีผลต่อเม็ดสีของผิวหนังด้านบน แต่ไม่ทำให้ผิวด้านล่างเสียหาย ทำให้ผิวขาว ใส รอยแดง เส้นเลือดฝอยจางลง มักเห็นผิวขาวใสตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
Dual Yellow Laser ปลอดภัยแค่ไหน
เลเซอร์นี้เป็นเลเซอร์ที่มีความจำเพาะเจาะจงสูง แสงเลเซอร์จะทำลายเฉพาะเป้าหมายที่เจาะจง ไม่มีผลต่อผิวหนังปกติด้านข้าง จึงไม่ค่อยพบผลข้างเคียง มีความปลอดภัย ไม่รุนแรงจึงไม่จำเป็นต้องทายาชาระหว่างการรักษาเส้นเลือดขอด จะรู้สึกเหมือนเข็มแตะที่ผิวเบาๆ สำหรับการรักษาริ้วรอย รอยสิว รอยแตกลาย ต้องทำการรักษาเส้นเลือดขอดอย่างต่อเนื่อง และผิวจะค่อยๆ ดีขึ้น
รักษาเส้นเลือดขอดด้วย Long Pulse ND YAG laser
เป็นการรักษาเส้นเลือดขอด ด้วยเครื่องเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่น 1064 นาโนเมตร และ 1320 นาโนเมตร ซึ่งเป็นวิธีการรักษาที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน โดยแสงเลเซอร์จะมีความยาวคลื่นจำเพาะที่สามารถยิงผ่านผิวหนังชั้นบนลงไปในบริเวณที่เป็นเส้นเลือดขอดได้อย่างแม่นยำ ซึ่งเซลล์เม็ดเลือดแดงได้รับความร้อนจากเลเซอร์จะไปทำลายผนังเส้นเลือดขอดให้ย่อยสลายและหายไป
ส่วนผู้ที่เป็นเส้นเลือดฝอยที่บริเวณใบหน้าและขาก็สามารถใช้เลเซอร์รักษาได้ด้วยเช่นกัน แต่เส้นเลือดฝอยควรมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 2 มิลลิเมตร เพราะหากมีขนาดใหญ่กว่าการรักษาด้วยเลเซอร์จะไม่ได้ผลหรือกลับมาเป็นซ้ำได้ในเวลาอันรวดเร็ว
เลเซอร์เป็นลำแสงที่ถูกนำมาใช้หลายกรณี สำหรับด้านความสวยความงาม เป็นการฟื้นฟูผิวใหม่ให้เรียบเนียนสดใสขึ้น หลังยิงเลเซอร์ชนิดนี้จะทำให้ผิวเรียบเนียน รูขุมขนเล็กลง ผิวหน้าละเอียดขึ้น โดยไม่เกิดแผลตกสะเก็ด
ข้อดีของการรักษาด้วย Long Pulse ND YAG laser
- เป็นการรักษาที่ไม่ทำให้เกิดบาดแผลและไม่มีแผลเป็น
- สามารถรักษาเส้นเลือดขอดได้อย่างปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และรวดเร็ว เหมาะสำหรับเส้นเลือดขอดที่มีขนาดเล็กกว่า 3 มิลลิเมตร และผู้ป่วยที่กลัวการฉีดยาหรือการผ่าตัด
- การฉีดสารเข้าหลอดเลือดที่ขอด โดยเลือกใช้กับเส้นเลือดขอดขนาดเล็กถึงปานกลางเพื่อให้เกิดแผลเป็นและปิดเส้นเลือดเหล่านี้ เส้นเลือดแต่ละเส้นอาจได้รับการฉีดสารชนิดนี้มากกว่า 1 ครั้ง วิธีการรักษาเส้นเลือดขอดนี้จะช่วยให้เส้นเลือดขอดทุเลาลงภายในไม่กี่สัปดาห์ ซึ่งเป็นการรักษาที่ได้ผลหากทำอย่างถูกวิธี
- การผ่าตัดเอาเส้นเลือดขอดออก โดยจะเป็นการผ่าตัดดึงเอาเส้นเลือดที่ขอดออกไปตลอดทั้งเส้นเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำอีก วิธีนี้จะเหมาะสำหรับการรักษาเส้นเลือดขอดที่มีขนาดใหญ่และมีขนาดยาวมากๆ และไม่สามารถรักษาได้ด้วยการฉีดยาเข้าเส้นเลือดดำที่ขอดได้
- การผ่าตัดเล็ก สำหรับเส้นเลือดขอดขนาดใหญ่ ที่ไม่สามารถใช้วิธีอื่นรักษาได้ โดยการเน้นผ่าเฉพาะจุดที่เส้นเลือดโป่งพอง( Mini vein surgery) ซึ่งเป็นวิธีที่ได้ผลดีมาก ไม่ต้องดมยาสลบ และเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน วิธีการรักษาเส้นเลือดขอดนี้ ไม่ต้องเอาออกทั้งเส้น และสามารถใช้ร่วมกับวิธีฉีดได้ด้ว
วิธีปฏิบัติตัวหลังจากการรักษาเส้นเลือดขอด
- ควรงดการยกของหนัก หรือยืนนานๆ เป็นเวลา 3-7 วัน
- ควรใส่ผ้ายืด หรือซัพพอร์ทในบริเวณที่ทำการรักษา เพื่อประคองกล้ามเนื้อและเส้นเลือดบริเวณนั้น ส่วนระยะเวลาที่ใช้ขึ้นอยู่กับขนาดของเส้นเลือด โดยเส้นเลือดเล็กฝอยให้ใส่ไว้ 1-3 วัน ส่วนเส้นเลือดขอดขนาดกลาง (ขนาดเท่าไส้ปากกา) ควรใส่อย่างน้อย 7 วัน ขึ้นไป
- ควรออกกำลังกายด้วยการเดินทุกวัน เพื่อกระตุ้นให้ยากระจายตัวอย่างมีประสิทธิภาพ ให้ผลที่มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น
- ควรพบแพทย์ตามนัด เพื่อแพทย์จะได้ติดตามผลการรักษา
วิธีป้องกันเส้นเลือดขอด
การเกิดเส้นเลือดขอดไม่สามารถป้องกันได้ทั้งหมด แต่สามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดเส้นเลือดขอดด้วยการเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและลดการตึงของกล้ามเนื้อที่มีปฏิบัติดังนี้
- ออกกำลังกาย ช่วยลดเส้นเลือดขอด พยายามเคลื่อนไหวหรือเดินให้มาก เพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในขา
- ควบคุมน้ำหนักด้วยการไม่รับประทานอาหารเกินพอดี การมีน้ำหนักตัวมากจะยิ่งส่งผลให้เกิดแรงกดที่หลอดเลือดทำให้เกิดเส้นเลือดขอด
- ควรรับประทานอาหารที่มีเกลือแต่น้อยเพื่อป้องกันอาการบวมจากการคั่งของน้ำ
- หลีกเลี่ยงรองเท้าส้นสูง การใส่รองเท้าส้นเตี้ยเป็นผลดีต่อหลอดเลือดมากกว่า และไม่ควรใส่เสื้อผ้าที่รัดรอบเอว ขา ต้นขา เนื่องจากจะไปลดการไหลเวียนของเลือด ทำให้เกิดเส้นเลือดขอดได้
- ยกขาให้สูงขึ้นเพื่อให้เลือดในขาไหลเวียนได้ดีขึ้น โดยควรพักด้วยการยกขาขึ้นเหนือระดับหัวใจบ่อยๆ
- เลี่ยงการนั่งหรือยืนเป็นเวลานาน และเปลี่ยนท่าบ่อยๆ เพื่อกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนได้ดียิ่งขึ้นและไม่นั่งไขว้ขาเป็นเวลานานๆ