CoolSculpting

หนึ่งในปัญหาใหญ่ของการลดน้ำหนักที่สร้างความหนักใจให้สาวๆ นั่นคือ เมื่อน้ำหนักลง แต่ไขมันเฉพาะส่วน เช่น ต้นแขน ต้นขา หรือไขมันรอบเอวไม่ยอมลดลงไปด้วย แต่มันยังคงเกาะแน่นเป็นลูกลิงเกาะแม่ไม่ยอมห่างกาย… ในเมื่อเราไม่สามารถลดไขมันเฉพาะจุดได้เองด้วยวิธีธรรมชาติ นวัตกรรม CoolSculpting จึงได้เข้ามาช่วยตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการสลัดไขมันทิ้งเฉพาะส่วนได้เป็นอย่างดี โดยที่คุณไม่ต้องเจ็บตัวเพราะ วิธี CoolSculpting ไม่ใช่การผ่าตัด หรือดูดไขมัน แต่ความก้าวล้ำของนวัตกรรมนี้อยู่ที่การใช้ความเย็นจุดเยือกแข็งมากำจัดไขมัน และร่างกายสามารถขจัดเซลล์ไขมันที่ตายแล้วออกได้ด้วยกระบวนการทางธรรมชาติ จึงปลอดภัย และไร้รอยแผลเป็นกวนใจ

ลดสัดส่วนแบบไม่เจ็บตัวด้วย CoolSculpting เป็นอย่างไร

CoolSculpting คือ การสลายไขมันไขมันส่วนเกิน ด้วยการนำนวัตกรรมคลื่นความเย็นมาช่วยกำจัดไขมันออกจากร่างกาย โดยส่งผ่านความเย็นระดับจุดเยือกแข็ง -10 ถึง -30 องศาเซลเซียส แบบคงที่ลงไปใต้ชั้นผิวหนังเข้าสู่ชั้นไขมัน ทำให้เซลล์ไขมันแข็งตัวและสลายตัวเองแบบธรรมชาติ และของเสียจะถูกกำจัดออกโดยกระบวนการของร่างกาย สามารถทำลายเซลล์ไขมันได้ถึง 20-30% ต่อการรักษา 1 ครั้ง อย่างถาวร โดยจะเริ่มเห็นผลชัดเจนในระยะ 1-3 เดือน แต่หากหลังทำ CoolSculpting และมีการนวดทันที 2 นาที จะสามารถสลายเซลล์ไขมันได้ถึง 35% เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดไขมันเฉพาะส่วน มีรูปร่างไม่อ้วนหรือไม่ผอมเกินไป เครื่องนี้จะมีหัว 5 ชนิด หรือที่เรียกว่า Applicator ใช้ในจุดที่ต่างกัน

  1. Cool Curve Plus เป็นหัวดูด หรือ Vacuumใช้ในส่วนของ เอว หน้าอก (ของผู้ชาย) และแผ่นหลัง
  2. Cool Core เป็นหัวดูด หรือ Vacuumใช้ในส่วนของหน้าท้อง
  3. Cool Max เป็นหัวดูด หรือ Vacuumใช้ในส่วน ที่เป็นจุดใหญ่ๆ เพราะหัวค่อนข้างใหญ่ เช่น หน้าท้องทั้งส่วน
  4. Cool Fit เป็นหัวดูด หรือ Vacuum ใช้ในส่วนของใต้ราวนมจนถึงหน้าท้องแนวตรง แขน ขาด้านใน
  5. Cool Smooth Pro เป็นหัวแนบ หรือ Surface ใช้ในส่วนของ หน้าท้องด้านบน สะดือแนวขวาง ห่วงยางสะโพก ต้นขาด้านนอก
  6. Cool Petite
  7. Cool Mini

ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปีของ ยศการ คลินิก และความเชี่ยวชาญในเรื่องของ CoolSculpting โดยทีมแพทย์และทีมพยาบาลของ ยศการ คลินิก ทุกคนได้ผ่านการฝึกอบรมจาก CoolSculpting University เพราะฉะนั้น จึงมั่นใจได้ถึงความถูกต้องในการรักษา พร้อมช่วยวิเคราะห์และประเมินบริเวณที่ต้องการลดสัดส่วน ให้ได้รูปร่างสวยงามอย่างที่คุณพึงพอใจ ด้วยอุปกรณ์และเครื่องมือที่ทันสมัย สะอาด ปลอดภัย พร้อมบริการที่มอบความประทับใจให้แก่ลูกค้าที่ดีเสมอมา

CoolSculpting ใช้สลายไขมัน ลดสัดส่วนบริเวณใดบ้าง

Coolscupting เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาไขมันส่วนเกินทั้งผู้ชายและผู้หญิง และต้องการลดเฉพาะส่วน เช่น  

  • ผู้ที่มีต้นแขนที่ใหญ่ใส่เสื้อผ้าแล้วแน่น
  • ผู้ที่มีไขมันต้นขาด้านในมาก เดินแล้วเสียดสีกัน
  • คุณแม่หลังคลอดที่ต้องการลดสัดส่วน
  • ผู้ชายที่มีหน้าอกใหญ่ ต้องการลดขนาดของหน้าอก

ซึ่งบริเวณที่สามารถสลายไขมันด้วย CoolSculpting ได้แก่

  • เหนียงบริเวณใต้คาง
  • ไขมันที่ท้องแขน
  • บริเวณขอบชุดชั้นใน (ที่ไม่สามารถลดได้ด้วยการออกกำลังกาย ซึ่งวิธีอื่นๆ ทำได้ยากมาก)
  • ไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องส่วนบนหรือใต้อก
  • ไขมันหน้าท้องส่วนล่าง (ท้องน้อย)
  • ไขมันสะสมข้างลำตัวที่เห็นเป็นชั้นหรือก้อนเหนือและใต้รอยต่อแนวบราไขมันบริเวณเอว
  • ไขมันบริเวณต้นขาด้านในที่เป็นก้อนและทำให้ผิวเสียดสีกันเวลาเดินจนเกิดเป็นแผล
  • ไขมันสะสมบริเวณหน้าอกและข้างเอวในเพศชาย
  • ไขมันใต้ก้น

ข้อดีของ CoolSculpting

  1. นวัตกรรม CoolSculpting มีความปลอดภัย ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา (FDA) ทั้งของสหรัฐอเมริกาและประเทศไทย
  2. เห็นผลการรักษาได้ตั้งแต่หลังรับการรักษา CoolSculpting ครั้งแรก ซึ่งจะเริ่มเห็นผลอย่างชัดเจนภายใน 1-3 เดือน
  3. ไม่มีการผ่าตัด ฉะนั้น ไม่มีความจำเป็นในการใช้ยาสลบ ยาชา หรือการพักฟื้น
  4. เซลล์ไขมันลดลงได้มากถึง 20-30% จากการรักษา CoolSculpting ในแต่ละครั้ง การทำซ้ำในตำแหน่งเดิมที่ยังมีไขมันสะสมสามารถลดเซลล์ไขมันลงได้อีก (หากต้องการรับการรักษาในตำแหน่งเดิม ควรเว้นระยะห่างระหว่างการรักษาอย่างน้อย 3 เดือน)
  5. เซลล์ไขมันที่เหลือจะทำการจัดเรียงตัวใหม่ทำให้ชั้นไขมันบางลง
  6. กำจัดไขมันได้ผลดีกว่าวิธีการนวดด้วยคลื่นความร้อน และกำจัดที่เซลล์ไขมันโดยตรง
  7. กำจัดที่เซลล์ไขมันโดยตรง แก้ปัญหาไขมันส่วนเกินได้ตรงจุดมากกว่าวิธีอื่นๆ
  8. ไม่ต้องเสี่ยงเจ็บตัว ไม่มีแผลให้ต้องกังวล
  9. สามารถทำกิจกรรมได้ระหว่างรับบริการ เช่น ดูโทรทัศน์ เล่นโทรศัพท์มือถือ อ่านหนังสือ หรือจะคุยโทรศัพท์ ก็ไม่เป็นปัญหาต่อการรับบริการ
  10. การ CoolSculpting ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องเสียเวลา ไม่มีบาดแผล ไม่ช้ำ ไม่เจ็บ สามารถกลับบ้านไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ สามารถออกกำลังกายได้ตามปกติ

ขั้นตอนการรักษา

  1. แพทย์จะทำการซักประวัติและตรวจร่างกาย จากนั้นจึงให้คำแนะนำ รวมถึงวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
  2. เมื่อทราบตำแหน่งที่จะทำการรักษาแล้ว จะเริ่มด้วยการวางแผ่นเจลปกป้องผิว จากนั้นจะประกบหัวดูดให้แนบสนิทกับผิวหนังด้วยระบบสุญญากาศ เมื่อเครื่องเริ่มทำงานคุณจะรู้สึกตึง รั้ง หรือบีบรัดในช่วงแรก หลังผ่านไป 5-10 นาที อาการเหล่านี้จะทุเลาลง
  3. หลังจากนั้น เครื่องจะปรับอุณหภูมิให้อยู่ในระยะที่เหมาะสม โดยเครื่องมือนี้จะส่งคลื่นความเย็นในระดับติดลบ -10 ถึง -30 องศาเซลเซียส ทำให้เริ่มรู้สึกเย็นร่วมกับชาบริเวณที่ทำการรักษา ซึ่งมีผลต่อการไหลเวียนของเลือดที่มีผลต่อเซลล์ไขมันเท่านั้น การรักษา CoolSculpting จะใช้เวลาต่อเนื่อง 60 นาที
  4.  ในระหว่างที่ทำการรักษา CoolSculpting คุณสามารถฟังเพลง ดูโทรทัศน์ เล่นโทรศัพท์มือถือ อ่านหนังสือ หรือจิบน้ำชาไปด้วยก็ได้ เพราะไม่เจ็บ ไม่ใช่การผ่าตัด ไม่มีการดมยาสลบ
  5. เมื่อเซลล์ไขมันถูกคลื่นความเย็นก็จะค่อยๆ สลายตัวไปเรื่อยๆ และร่างกายก็จะกำจัดเซลล์ไขมันที่ตายแล้วเหล่านี้ออกไปทางระบบน้ำเหลือง และปัสสาวะ และในการรักษา CoolSculpting แต่ละครั้งสามารถลดจำนวนไขมัน ในบริเวณที่ทำการรักษา ได้ประมาณ 20-30%
  6. หลังเสร็จสิ้นการรักษา ผิวหนังบริเวณที่ทำจะมีรอยแดง ซึ่งจะค่อยๆ หายไปเองภายใน 2-3 ชั่วโมง โดยไม่มีผลข้างเคียงเกิดขึ้นให้เห็นที่ผิวภายนอกเลย

ข้อจำกัดสำหรับผู้ทำ CoolSculpting

  • ไม่เหมาะกับคนที่อ้วนมากๆ
  • ไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคแพ้ความเย็น โรคเลือดที่มีการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ เมื่อสัมผัสกับความเย็น ผู้ที่ทานยาละลายลิ่มเลือดหรือยาที่ทำให้เลือดไม่แข็งตัวตามปกติ
  • ไม่เหมาะกับหญิงตั้งครรภ์หรือสงสัยว่าอาจตั้งครรภ์
  • ไม่เหมาะกับหญิงหลังคลอดบุตรหรือผู้ที่รับการผ่าตัดมายังไม่เกิน 6 เดือน
  • ไม่เหมาะกับผู้ที่มีแผลเปิด ผิวหนังอักเสบหรือติดเชื้อในบริเวณที่จะทำการรักษาหรือบริเวณใกล้เคียง
  • ไม่เหมาะกับผู้ที่ใส่อุปกรณ์ควบคุมการเต้นของหัวใจ
  • ควรงดการรักษาบริเวณหน้าท้องในผู้ที่เป็นไส้เลื่อน

CoolSculpting ปลอดภัยแค่ไหน

  1. CoolSculpting ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา (FDA) ทั้งของสหรัฐอเมริกาและประเทศไทย
  2. เนื่องจาก CoolSculpting ไม่ใช้วิธีการผ่าตัด หรือดูดไขมัน จึงไม่ต้องใช้ยาชา หรือยาสลบ จึงไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องกังวลเรื่องรอยแผลเป็น
  3. ไม่ทำลายเซลล์และเนื้อเยื่อส่วนอื่นบริเวณข้างเคียง
  4. CoolSculpting มีการควบคุมอุณหภูมิด้วยระบบ Censor ตลอดระยะเวลาที่รับบริการจึงมั่นใจได้ว่าไม่เกิดอันตรายต่อผิวของคุณ

เหตุผลที่ลูกค้าวางใจเลือก ยศการ คลินิก ดูแลสัดส่วน

  • ยศการ คลินิก เน้นการดูแลรักษาที่ปลอดภัย ได้มาตรฐาน มีเทคโนโลยีทันสมัย และการให้บริการที่สะดวกรวดเร็ว ปลอดภัย ที่สำคัญดูแลโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและทีมงานประสบการณ์สูง
  • ยศการ คลินิก ให้บริการด้านความงาม ดูแลผิวพรรณ และเวชศาสตร์ชะลอวัย ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี
  • ยศการ คลินิก ให้การรักษาด้วย Dual CoolSculpting ซึ่งมี 2 เครื่อง ทำได้พร้อมกัน 2 ข้าง ไม่ต้องรอนาน เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาจำกัด สวยได้แม้มีเวลาน้อย

ความถี่ของการทำ CoolSculpting

ตั้งแต่ทำ CoolSculpting  ครั้งแรกจะเห็นผลได้ว่าไขมันลดลง 20-30% ซึ่งจะเห็นผลที่ชัดเจนภายใน 1-3 เดือน หลังจากนั้น ก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของคนไข้ว่าต้องการลดส่วนเกินเพิ่มอีกหรือไม่ ดังนั้น หากเราควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การทำ CoolSculpting 1-2 ครั้ง ก็เพียงพอ